สวัสดีเจ้า~ โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ขอกราบสวัสดีงามๆอีกครั้งวันนี้อีกเช่นเคยเราไม่ได้มามือเปล่าเพราะเราเอา Toyota Altis GR Sport 2022 มาฝากเพื่อนๆบอกเลยว่างานนี้เอาใจสายสปอร์ตไปแบบเต็มๆอย่างแน่นอนทั้งเพิ่มการตกแต่งและขับขี่สนุกเร้าใจมากยิ่งขึ้น
RACE YOUR SPORTY AMBITION... ขีดสุดความเร้าใจ อะไรก็หยุดไม่ได้
เปิดตัว Toyota Altis GR Sport 2022 อย่างเป็นทางการกับโคโรลล่าอัลติส GR Sport รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่กับรุ่น HEV GR Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดและรุ่น 1.8 GR Sport กับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตรเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift พร้อมสัมผัสของสมรรถนะในการขับขี่ที่เร้าใจกว่าที่เคยด้วยช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ตประกอบด้วยชุดคอยล์สปริงและช็อคแอบซอร์บเบอร์พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลังที่พัฒนาใหม่มอบความรู้สึกในการขับขี่ที่หนักแน่นเกาะถนนดีเยี่ยมควบคุมได้ตามใจสั่ง
โคโรลล่าอัลติส GR Sport ออกแบบให้รองรับการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์กับแพ็กเกจชุด GR SPORT ประกอบด้วยกันชนหน้า, กระจังหน้า, ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตหลัง, ล้ออัลลอย 17 นิ้วออกแบบใหม่โดยเฉพาะพร้อมสัญลักษณ์ GR Sport บริเวณท้ายรถภายในสะท้อนความเป็น GR ด้วยการตกแต่งเบาะหนังเดินตะเข็บด้ายสีแดงพนักพิงศีรษะและปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR
มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายอาทิช่องเสียบ USB แบบ Type C ในช่องเก็บของคอนโซลกลาง, หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support), ระบบ Illuminate entry system, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS
และ 3 สีพิเศษเฉพาะรุ่นได้แก่สีขาวมุก (Platinum White Pearl) สีแดง (Red Mica Metallic) และสีดำ (Attitude Black Mica)
Toyota Altis GR Sport มีอะไรใหม่บ้าง
– กันชนหน้าใหม่ GR Sport – กระจังหน้าใหม่ GR Sport – ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ – กระจกมองข้างสีดำและสเกิร์ตข้าง GR Sport – สเกิร์ตหลัง GR Sport – ล้อแมกซ์ขนาด 17 นิ้ว GR Sport – สัญลักษณ์ GR Sport บริเวณประตูท้าย – ใหม่ดีไซน์ภายใน…GR SPORT RACING INSIDE TO DRIVE YOUR FEELING
ภายใน ดีไซน์สปอร์ต ตอบสนองฟีลลิ่งเรซซิ่ง – Sport Seats with GR Logo เบาะหนังคู่หน้าแถบแดงดีไซน์สปอร์ตพร้อมโลโก้ GR – ปุ่ม Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR – Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (*เฉพาะรุ่น 1.8 GR SPORT)
MORE COVENIENCE MORE COMFORT – Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบเปลี่ยนสีบนกระจกหน้ารถ – nanoe ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารช่วยขจัดกลิ่นอับและยับยั้งเชื้อโรค – Auto Rain Sensor ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ – Rear Sunshade ม่านบังแดดที่กระจกหลัง – Tire Pressure Monitoring System ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ – ใหม่สมรรถนะการขับขี่…THE NEW EXCITEMENT TO PUSH THE LIMITS – Shock Absorber ดูดซับแรงสั่นสะเทือนเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้น – Coil Spring คอยล์สปริงปรับจูนใหม่เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล – Rear Bar Stabilizer ลดอาการโคลงของตัวรถขณะเข้าโค้งยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องยนต์ 2 ทางเลือกในรุ่น GR SPORT – HEV GR SPORT ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 23.3 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก ECO Sticker)
– ALL-SPEED DYNAMIC RADAR CRUISE CONTROL WITH LANE TRACING ASSIST…ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed ควบคุมและปรับลดระดับความเร็วได้ถึง 0 กม./ชม. และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้าพร้อมระบบ Lane Tracing Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน
– PRE-COLLISION SYSTEM…ระบบความปลอดภัยก่อนการชน
– LANE DEPARTURE ALERT WITH STEERING ASSIST…ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ
– AUTOMATIC HIGH BEAMS…ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
สำหรับใครที่สนใจรถ Toyota Altis GR Sport สามารถเข้ามาชมได้ที่ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ สาขาสำนักงานใหญ่ แม่เหียะ หรือสนใจจับจ้องเป็นเจ้าของก็มีรถพร้อมจอง
ทั้งนี้ยังตั้งเป้าหมายและสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์ EV ไว้ที่ 3.5 ล้านคันต่อปีหรือประมาน 35% ขอยอดขายต่อปีของโตโยต้าซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ล้านคันต่อปี
โดยในอนาคตมีความตั้งใจให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของรถยต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นรวมถึงกำลังพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ในรูปแบบโซลิดสเตทด้วยซึ่งสอดคล้องกับแผนการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon neutrality) ของ Toyota
มาดูกันดีกว่าว่า Toyota เค้าออกโมเดลรถ EV ในอนาคตแบบไหนมาให้เราดูบ้าง
สวัสดีเจ้า~ เพื่อนๆเคยสงสัยกันไหมว่ารถตลาดในเมืองไทยที่เป็นรถญี่ปุ่นมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือกสรรตามความชอบและความเหมาะสมแต่สำหรับ Toyota นั้นเป็นแบรนด์ชั้นนำที่อยู่คู่กับคนไทยมามากกว่า 60 ปีเราลองมาดูกันเลยว่าทำไมรถ Toyota ถึงทนกว่าแบรนด์อื่นๆและทำไมคนไทยยังไว้ใจโตโยต้า
ทำไมรถ Toyota ถึงได้ขึ้นชื่อว่าทนกว่าแบรนด์อื่น? และมีความคุ้มค่ามากขนาดไหน
Toyota นั้นจะมีระบบการผลิตที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองเรียกว่าToyota Production System : TPS และหนึ่งในหลักการหัวข้อใหญ่ๆใน TPS นั้นจะมีหลักการที่พูดถึงการจัดการเวลาที่ทำให้รถถูกผลิตได้เร็วขึ้นและอีกหลังคือ Jidoka ที่ส่งผลให้รถของ Toyota มีความทนทาน
Jidoka แปลจากภาษาญี่ปุ่นได้ว่า“ระบบอัตโนมัติที่มนุษย์เป็นผู้สัมผัส” หลักการนี้คือการที่เหล่าวิศวกรของ Toyota ต้องเริ่ม“ทำด้วยมือ”ก่อนทั้งการออกแบบชิ้นส่วนในรถที่ต้องออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะต้องผ่านมาตรฐานที่วางเอาไว้
นั่นทำให้เราเห็นได้ว่ารถของ Toyota มักจะใช้อะไหล่ร่วมกันได้หลายรุ่นรวมถึงมีรถหลายรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันเพราะพวกเขามั่นใจแล้วว่าเชื่อใจได้ (และส่งผลทำให้รถ Toyota อะไหล่หาได้ง่ายและในบางรุ่นรถจะมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ารถรุ่นอื่น)
นี่เป็นจุดที่ทำให้ Toyota ต่างจากค่ายรถอื่นๆที่บางครั้งต้องรีบทำยอดผลิตรถให้ตรงตามเส้นตายที่กำหนดเอาไว้ส่งผลทำให้จำนวนของรถที่เกิดข้อบกพร่องหลุดออกไปในจำนวนมากกว่าและเมื่อแก้ปัญหาได้แล้วก็จะปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตเพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา
การปรับปรุงเล็กๆน้อยๆของรถ Toyota จึงเกิดขึ้นอยู่เสมอโดยให้พนักงานนำเสนอความคิดใหม่ๆเข้ามาและเอามาประชุมกันถ้าเห็นว่าได้ผลก็จะนำมาใช้เป็นมาตรฐานเลยนี่จึงทำให้การผลิตพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
แม้แต่ Toyota Supra เจน 4 ที่มีภาพลักษณ์เร็วแรงที่สุดของ Toyota เองตอนออกมาจากโรงงานก็ไม่ใช่รถที่ทำประสิทธิภาพได้ดีนักตอนที่ออกมาจากโรงงานโดยยังไม่ผ่านการปรับแต่ง
เพราะพวกเขารู้ว่าลูกค้าส่วนมากที่ซื้อรถต้องการสิ่งที่ Toyota มอบให้นั่นคือความทนทานไม่จุกจิกไม่กวนใจและมีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าแบรนด์อื่นๆในระยะยาวนั่นเอง
สวัสดีเจ้า~ วันนี้กลับมาพบกับโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่กันอีกแล้ววันนี้เราไม่ได้มามือเปล่าอีกเช่นเคยเพราะเราเอาสุดยอดเทคโนโลยีจากโตโยต้าที่เรียกกันว่า TOYOTA SAFETY SENSEมาฝากเพื่อนๆทุกคนให้ได้รู้จักกันบอกเลยว่าโตโยต้ายังเน้นพัฒนาเทคโนโลยียานยนตืมาเพื่อให้ทุกคนขับขี่อย่างปลอดภัยมาขึ้นลองตามมาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง
TOYOTA SAFETY SENSE คืออะไร? ตอบโจทย์การขับขี่อย่างปลอดภัยได้อย่างไร
อะไรคือ TOYOTA SAFETY SENSE ?
TOYOTA SAFETY SENSE คือเทคโนโลยีความปลอดภัยเจเนอร์เรชั่นที่ 2 แล้วเปิดตัวไปเมื่อเดือนมกราคมปี 2018 โดยได้พัฒนาการตรวจจับและการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอุบัติเหตุจากการจราจรที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เทคโนโลยีTOYOTA SAFETY SENSEประกอบไปด้วย
LANE DEPARTURE ALERTระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติอีกขั้นของความล้ำหน้าเมื่อคุณขับรถออกนอกช่องทางโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอ MID และพวงมาลัยจะทำการหน่วงกลับอัตโนมัติ
PRE – COLLISION SYSTEM ระบบความปลอดภัยก่อนการชนเรดาร์จะตรวจจับรถที่อยู่ด้านหน้าพร้อมทำการส่งสัญญาณเตือนและช่วยเบรกเพื่อลดโอกาสและความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
DYNAMIC RADAR CRUISE CONTROL ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติควบคุมความเร็วรถให้คงที่พร้อมตรวจจับรถที่อยู่ด้านหน้าด้วยเรดาร์และลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยและเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้อัตโนมัติเมื่อไม่มีรถขวางข้างหน้าเพิ่มความสบายยิ่งขึ้นเมื่อขับรถทางไกล
AUTOMATIC HIGH BEAMS ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัตระบบจะปรับลดไฟสูงให้เป็นต่ำอัตโนมัติเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถด้านหน้าเพื่อไม่ให้แสงไฟแยงตารถร่วมทางและปรับเป็นไฟสูงอัตโนมัติเมื่อขับขี่ในที่มืด
โตโยต้าผู้นำแห่งยนตรกรรมระดับโลกได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ TNGA หรือ Toyata New Global Architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่จะเข้ามาเปลี่ยนความรู้สึกของการขับขี่อย่างแท้จริง
TNGAออกแบบตัวถังห้องโดยสารให้เหมาะกับสรีระของผู้ขับขี่กระจกหน้ารถต่ำที่ต่ำยิ่งขึ้นและเสา A ที่บางลงช่วยให้วิสัยทัศน์แห่งการขับขี่ที่กว้างขึ้นด้วยมุมมองที่โล่งโปร่งลดจุดอับสายตาไม่มีอะไรมาบดบังสายตาของผู้ขับขี่ทำให้รู้สึกมั่นใจในขณะที่ขับขี่