• โตโยต้า นครพิงค์ เชียงใหม่ | Toyota Nakornping Chiangmai

No products in the cart.

Read More
Print

น้ำท่วมรถ ทำอย่างไรดี วันนี้เรามีข้อควรปฎิบัติง่ายๆ มาฝาก

อย่างที่ทราบกันดีว่า ฤดูฝนปีนี้ฝนตกชุกชุม และน้ำค่อนข้างเยอะ ดังนั้นหลายๆ คนไม่ควรนิ่งนอนใจในเรื่องของที่จอดรถ ไม่ว่าจะเป็นลานจอดรถชั้นใต้ดินของที่อยู่อาศัย หรือที่จอดรถในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม อาจทำให้รถของท่านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมได้ ดังนั้น วันนี้เราเลยมี ข้อควรปฎิบัติเมื่อรถของท่านถูกน้ำท่วมแล้ว จะต้องทำอย่างไร

น้ำท่วมรถ ทำอย่างไรดี วันนี้เรามีข้อควรปฎิบัติง่ายๆ มาฝาก

โทรแจ้งประกันรถยนต์

โทรแจ้งประกัน รอเจ้าหน้าที่ประกันมาประเมินความเสียหาย เมื่อรถโดนน้ำท่วมแล้ว เราต้องรีบเช็กเลยว่ารถเรามีประกันไหม? แล้วใช้ประกันชั้นไหน? เพราะแต่ละชั้นก็มีความคุ้มครองไม่เหมือนกัน ประกันรถยนต์ของเราคุ้มครองอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติไหม? เมื่อรู้แล้วว่ามีก็รีบ โทรแจ้งประกันก่อน ครับ ถ้าไม่มีก็ตั้งสติก่อน แล้วค่อยๆ ทำตามดังนี้

วันนี้โตโยต้านครพิงค์ขอแบ่งระดับน้ำท่วมรถเป็น 3 ระดับคือ

  1. น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะ
  2. น้ำท่วมเข้าถึงเบาะนั่ง
  3. น้ำท่วมถึงคอนโซลหน้าหรือท่วมมิดหลังคา

ซึ่งน้ำท่วมแต่ละระดับที่กล่าวมานี่ ความเสียหายของตัวรถก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเรามาเช็คกันดีว่าว่าน้ำท่วมแต่ละระดับ รถของท่านจะมีอะไรเสียหายหรือเป็นความรู้ไว้สำหรับนำรถไปซ่อม

ความเสียหายระดับที่ 1

น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะ

  • ระบบเบรกทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรก
  • ห้องเครื่องยนต์ คลัทช์คอมแอร์ สายพานแอร์ และไดสตาร์ท
  • พรมภายในห้องโดยสาร

อุปกรณ์ที่คสรเช็คคือ อุปกรณ์ช่วงล่างของตัวรถ หากตัวรถถูกแช่ทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถ รวมถึงระบบเบรคของล้อทั้ง 4 ล้อ ที่สำคัญผ้าเบรกก็ควรตรวจเช็คให้เรียบร้อย และควรตรวจเช็คไดสตาร์ทให้มีสภาพพร้อมใช้งานเสมอ นอกจากนี้ถ้าหากพรมชื้น ก็ควรถอดไปซักเพื่อลดกลิ่นอับชื้นอีกด้วย 

ความเสียหายระดับที่ 2

น้ำท่วมเข้าถึงเบาะนั่ง

  • ห้องเครื่องยนต์ กล่อง ECU, แบตเตอร์รี่, พัดลมระบายความร้อน, เครื่องยนต์, น้ำมันเครื่อง, ระบบเกียร์, น้ำมันเกียร์, ขั้วสายไฟต่างๆ, พวงมาลัยไฟฟ้า EPS
  • ไฟหน้า และไฟท้าย
  • เบาะนั่ง
  • แผงนวมประตู สวิตช์แผงประตู และระบบเซ็นทรัลล็อก
  • ชุดตู้แอร์
  • ห้องสัมภาระท้าย

เมื่อรถของเราถูกน้ำท่วมถึงระดับนี้ เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วไม่ควรสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ในเครื่องยนต์สร้างความเสียหายได้ และควรถอดแบตออกทันที ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทุกชนิดภายในรถไม่ว่าจะเป็นพัดลมระบายความร้อน ECU สมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์ และสำคัญคือระบบเกียร์ของรถ

ความเสียหายระดับที่ 3

น้ำท่วมถึงคอนโซลหน้าหรือท่วมมิดหลังคา

ตัวถังสีภายนอก

  • ไฟหน้า และไฟท้าย
  • ห้องเครื่องยนต์ ที่กรองอากาศ, ไดชาร์จ, ชุดหัวเทียน, มอเตอร์ปัดน้ำฝน, แผงคอนเดนเซอร์แอร์, หม้อน้ำ
  • ของเหลวต่างๆ ที่สำคัญในอุปกรณ์ที่น้ำท่วมถึงเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัย และน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง
  • อุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสาร เช่น ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอล, วิทยุ, คอนโซลหน้า, ระบบถุงลม, ระบบไฟส่องสว่างต่างๆ, ผ้าหลังคา, ม่านถุงลม, ซันรูฟ, ช่องแอร์
  • มอเตอร์พัดลมแอร์
  • หน้าปัทม์เรือนไมล์
  • ขอบยางประตู

หากรถของท่านถูกน้ำท่วมจนมิดหลังคาจะเป็นระดับที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วไม่ควรสตาร์ทโดยเด็ดขาด จาดนั้นรีบนำรถให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบของเหลวทุกอย่างภายในรถ แต่ต้องบอกไว้เลยว่าหากรถที่จมน้ำมาแล้ว อาจไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติดังเดิม

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีปฏิบัติเบื้องต้นหลังรถจมน้ำ หวังว่าฤดูฝนนี้ทุกท่านจะไม่จอดรถในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเพราะนอกจากจะเสียทรัพย์สินแล้ว ยังเสียเวลาในการนำรถเข้าซ่อมอีกด้วย หรือใครที่อยู่ในพื้นที่ .เชียงใหม่ ก็สามารถเอารถมาเช็คระยะหรือมาซ่อมได้ที่ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ ทั้ง 3 สาขา สาขาสำนักงานใหญ่แยกแม่เหียะ สาขาสันทรายแยกลิขิตชีวัน และสาขาลำพูนแยกเทคโนโลยีหมูบ้านครู