น้ำท่วมรถ ทำอย่างไรดี วันนี้เรามีข้อควรปฎิบัติง่ายๆ มาฝาก
อย่างที่ทราบกันดีว่า ฤดูฝนปีนี้ฝนตกชุกชุม และน้ำค่อนข้างเยอะ ดังนั้นหลายๆ คนไม่ควรนิ่งนอนใจในเรื่องของที่จอดรถ ไม่ว่าจะเป็นลานจอดรถชั้นใต้ดินของที่อยู่อาศัย หรือที่จอดรถในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม อาจทำให้รถของท่านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมได้ ดังนั้น วันนี้เราเลยมี ข้อควรปฎิบัติเมื่อรถของท่านถูกน้ำท่วมแล้ว จะต้องทำอย่างไร
น้ำท่วมรถ ทำอย่างไรดี วันนี้เรามีข้อควรปฎิบัติง่ายๆ มาฝาก
โทรแจ้งประกันรถยนต์
โทรแจ้งประกัน รอเจ้าหน้าที่ประกันมาประเมินความเสียหาย เมื่อรถโดนน้ำท่วมแล้ว เราต้องรีบเช็กเลยว่ารถเรามีประกันไหม? แล้วใช้ประกันชั้นไหน? เพราะแต่ละชั้นก็มีความคุ้มครองไม่เหมือนกัน ประกันรถยนต์ของเราคุ้มครองอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติไหม? เมื่อรู้แล้วว่ามีก็รีบ โทรแจ้งประกันก่อน ครับ ถ้าไม่มีก็ตั้งสติก่อน แล้วค่อยๆ ทำตามดังนี้
วันนี้โตโยต้านครพิงค์ขอแบ่งระดับน้ำท่วมรถเป็น 3 ระดับคือ
- น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะ
- น้ำท่วมเข้าถึงเบาะนั่ง
- น้ำท่วมถึงคอนโซลหน้าหรือท่วมมิดหลังคา
ซึ่งน้ำท่วมแต่ละระดับที่กล่าวมานี่ ความเสียหายของตัวรถก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเรามาเช็คกันดีว่าว่าน้ำท่วมแต่ละระดับ รถของท่านจะมีอะไรเสียหายหรือเป็นความรู้ไว้สำหรับนำรถไปซ่อม
ความเสียหายระดับที่ 1
น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะ
- ระบบเบรกทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรก
- ห้องเครื่องยนต์ คลัทช์คอมแอร์ สายพานแอร์ และไดสตาร์ท
- พรมภายในห้องโดยสาร
อุปกรณ์ที่คสรเช็คคือ อุปกรณ์ช่วงล่างของตัวรถ หากตัวรถถูกแช่ทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถ รวมถึงระบบเบรคของล้อทั้ง 4 ล้อ ที่สำคัญผ้าเบรกก็ควรตรวจเช็คให้เรียบร้อย และควรตรวจเช็คไดสตาร์ทให้มีสภาพพร้อมใช้งานเสมอ นอกจากนี้ถ้าหากพรมชื้น ก็ควรถอดไปซักเพื่อลดกลิ่นอับชื้นอีกด้วย
ความเสียหายระดับที่ 2
น้ำท่วมเข้าถึงเบาะนั่ง
- ห้องเครื่องยนต์ กล่อง ECU, แบตเตอร์รี่, พัดลมระบายความร้อน, เครื่องยนต์, น้ำมันเครื่อง, ระบบเกียร์, น้ำมันเกียร์, ขั้วสายไฟต่างๆ, พวงมาลัยไฟฟ้า EPS
- ไฟหน้า และไฟท้าย
- เบาะนั่ง
- แผงนวมประตู สวิตช์แผงประตู และระบบเซ็นทรัลล็อก
- ชุดตู้แอร์
- ห้องสัมภาระท้าย
เมื่อรถของเราถูกน้ำท่วมถึงระดับนี้ เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วไม่ควรสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ในเครื่องยนต์สร้างความเสียหายได้ และควรถอดแบตออกทันที ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทุกชนิดภายในรถไม่ว่าจะเป็นพัดลมระบายความร้อน ECU สมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์ และสำคัญคือระบบเกียร์ของรถ
ความเสียหายระดับที่ 3
น้ำท่วมถึงคอนโซลหน้าหรือท่วมมิดหลังคา
• ตัวถังสีภายนอก
- ไฟหน้า และไฟท้าย
- ห้องเครื่องยนต์ ที่กรองอากาศ, ไดชาร์จ, ชุดหัวเทียน, มอเตอร์ปัดน้ำฝน, แผงคอนเดนเซอร์แอร์, หม้อน้ำ
- ของเหลวต่างๆ ที่สำคัญในอุปกรณ์ที่น้ำท่วมถึงเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัย และน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง
- อุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสาร เช่น ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอล, วิทยุ, คอนโซลหน้า, ระบบถุงลม, ระบบไฟส่องสว่างต่างๆ, ผ้าหลังคา, ม่านถุงลม, ซันรูฟ, ช่องแอร์
- มอเตอร์พัดลมแอร์
- หน้าปัทม์เรือนไมล์
- ขอบยางประตู
หากรถของท่านถูกน้ำท่วมจนมิดหลังคาจะเป็นระดับที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วไม่ควรสตาร์ทโดยเด็ดขาด จาดนั้นรีบนำรถให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบของเหลวทุกอย่างภายในรถ แต่ต้องบอกไว้เลยว่าหากรถที่จมน้ำมาแล้ว อาจไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติดังเดิม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีปฏิบัติเบื้องต้นหลังรถจมน้ำ หวังว่าฤดูฝนนี้ทุกท่านจะไม่จอดรถในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเพราะนอกจากจะเสียทรัพย์สินแล้ว ยังเสียเวลาในการนำรถเข้าซ่อมอีกด้วย หรือใครที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ก็สามารถเอารถมาเช็คระยะหรือมาซ่อมได้ที่ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ ทั้ง 3 สาขา สาขาสำนักงานใหญ่แยกแม่เหียะ สาขาสันทรายแยกลิขิตชีวัน และสาขาลำพูนแยกเทคโนโลยีหมูบ้านครู