• โตโยต้า นครพิงค์ เชียงใหม่ | Toyota Nakornping Chiangmai
Read More
Print

ตั้งพระในรถ ควรหันหน้าเข้า หรือหันหน้าออก แบบไหนดีกว่ากัน

ตั้งพระหน้ารถกันอย่างไร? พี่หมีเชื่อว่า หลายๆ คนที่นับถือศาสนาพุทธและขับรถยนต์เป็นประจำจะตั้งพระสักองค์ไว้หน้ารถเพื่อเคารพบูชา เพราะเชื่อว่าพระท่านจะช่วยคุ้มครองคนภายในรถให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายขณะขับขี่ แต่การตั้งพระหน้ารถกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสื่อโซเชียลว่าควร หันหน้าเข้า หรือ หันหน้าออก ถึงจะถูกต้อง

ตั้งพระในรถ ควรหันหน้าเข้า หรือหันหน้าออก แบบไหนดีกว่ากัน

บางคนเลือกตั้งพระหันหน้าเข้า โดยให้เหตุผลว่าพระท่านจะเฝ้ามองและเตือนเราหากเราประมาท แต่ถ้าหันหน้าออกจะเป็นลางไม่ดี เพราะเหมือนรถแห่งานศพ บางคนเลือกตั้งพระหันหน้าออกโดยให้เหตุผลว่าพระท่านจะคอยดูหนทางให้ ไม่ควรหันหน้าเข้าเพราะท่านจะมองไม่เห็นภัย นอกจากนี้ยังมีคนบางกลุ่มให้เหตุผลว่าจะหันไปทางหน้ารถหรือหันเข้าในรถ ไม่ใช่สิ่งสำคัญของการวางพระไว้ในรถ ขอเพียงวางไว้จุดไหน หรือ หันไปทางไหนก็ได้ ที่ตัวเราสามารถมองเห็นก็พอ

การวางพระหน้ารถให้ถูกหลักฮวงจุ้ย

     ถือเป็นประเด็นถกเถียงกันมานานกับ การตั้งพระในรถ ควรหันหน้าเข้าหรือออก ซึ่งพี่หมีเคยสังเกตุและถามคนใกล้ตัวที่ขับรถ ปรากฎว่า เขามักจะวางพระหันหน้าเข้ามาในรถด้วยเหตุผลที่ว่า เวลาเราขับรถจะได้มองเห็นพระและช่วยในการเตือนสติเราให้ไม่ประมาท แต่ตามหลักฮ้วงจุ้ยแล้วการหันหน้าพระเข้ามาในรถ จะเจอเหตุการณ์เรื่องของความสัมพันธ์ต่อคนในครอบครัวในทิศทางที่ไม่ดี กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียวง่าย จึงควรตั้งพระหันหน้าออกเพื่อให้ถูกหลักฮวงจุ้ยนั่นเอง 

ข้อควรระวังการตั้งพระไว้หน้ารถ

  1. ไม่ควรให้ขนาดพระใหญ่เกินไป
  2. ไม่ควรไว้ทับตำแหน่ง AIR BAG
  3. ไม่ควรวางบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่

สำหรับใครที่มีความเชื่อเรื่องการตั้งพระไว้หน้ารถ เชื่อว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยเพื่อความสบายใจของทุกๆ ท่าน อย่างไรก็ตามควรวางพระในตำแหน่งที่ไม่บดบังถุงบลมนิรภัย เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันแล้วพระเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถสร้างความอันตรายให้แก่ตัวเราได้หากตั้งไว้ในจุดที่ไม่ถูกต้อง

Read More
Print

เบรคมือไฟฟ้า ดีอย่างไร ควรใช้งานอย่างไรให้ถูกต้อง

ปัจจุบันรถรุ่นใหม่หลายๆ รุ่นมีเบรคมือไฟฟ้าใช้กันอย่างแพร่หลาย และหลายคนกำลังตั้งข้อสงสัยกันอยู่แน่ๆ ว่าเบรคมือแบบปกติ กับ เบรคมือไฟฟ้าแบบไหนใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน และวิธีใช้เบรคมือที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

เบรคมือไฟฟ้า ดีอย่างไร ควรใช้งานอย่างไรให้ถูกต้อง

เพียงแค่กดหรือดึงปุ่มสวิทช์เบาๆ เท่านั้น โดยปุ่มสวิทช์ของเบรกมือไฟฟ้า จะมีสัญลักษณ์ตัว (P) ที่ตัวปุ่ม เมื่อมีการเปิดใช้งาน จะมีสัญลักษณ์แสดงเตือนที่แผงหน้าปัดเป็นตัว (P) เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสนของผู้ใช้งานระหว่าง การใช้งานเบรกมือ หรือระบบเบรกมีปัญหา ต่างจากระบบเบรกมือแบบเดิม เมื่อมีการใช้งาน ที่แผงหน้าปัดจะแสดงสัญลักษณ์เตือนเป็นเครื่องหมายตกใจ (!)

ข้อดีของเบรกมือไฟฟ้า

  • ให้กำลังเบรกสูง เพียงแค่เรากดหรือดึงสวิตช์เพียงหนึ่งครั้ง รถก็จะหยุดนิ่งสนิท ไม่ขยับไม่ต้องกังวลว่ารถจะเกิดการไหลหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้าหรือถอยหลัง คล้ายดึงเบรกมือปกติแบบสุดแรง
  • ระบบช่วยเหยียบเบรก โดยรถที่ใช้งานระบบเบรกไฟฟ้า จะมีระบบช่วยเบรก หรือที่เรียกว่า Auto Hold/ Brake Hold เหมาะกับในสถานการณ์ที่ขับไปเจอรถที่จราจรติดขัด โดยเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่ม จากนั้นเมื่อขับรถไปแล้วเหยียบเบรกจนรถหยุดนิ่ง ระบบจะทำการเหยียบเบรกค้างไว้ให้เอง
  • ลดปัญหาการลืมปลดเบรกมือ เมื่อผู้ขับขี่เข้าเกียร์ D หรือ R พร้อมกับเหยียบคันเร่ง เบรกมือไฟฟ้าจะทำการปลดการทำงานให้อัตโนมัติ หมกปัญหาการก้มลงไปมองว่าเอาเบรกมือลงหรือยัง

ข้อเสียของเบรกมือไฟฟ้า

  • ค่าบำรุงรักษา และค่าซ่อมสูง ด้วยเป็นไฟฟ้า การทำงานอาจจะซับซ้อน และใช้เวลาในการตรวจเช็ก ซ่อมแซ่มนาน ทำให้ค่าใช้จ่ายนั้นสูงกว่าระบบเบรกปกติ
  • เกิดความสับสน หากในกรณีที่มีรถหลายคัน แล้วต้องสลับการใช้งานระหว่างเบรกมือปกติกับเบรกมือไฟฟ้า ผู้ขับขี่อาจเกิดความสับสนหรือลืมตัว

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีใช้เบรคมือไฟฟ้าและวิธีใช้งานอย่างถูกต้อง สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อรถใหม่สักคัน หรือใช้งานรถรุ่นที่เป็นเบรคมือไฟฟ้าอยู่แล้วไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด เพียงใช้งานให้ถูกวิธี ก็จะช่วยถนอมระบบเบรครถของท่านให้ใช้งานได้ไปอีกยาวนาน

Read More
Print

สัญญานเตือน ที่บอกให้รู้ว่ารถของคุณต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องนั่นก็คือหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆในระบบเครื่องยนต์เพื่อลดแรงเสียดทาน ระบายความร้อน ช่วยป้องกันการเกิดสนิม  และชำระล้างเขม่าจากการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ได้

สัญญานเตือน ที่บอกให้รู้ว่ารถของคุณต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

 โดยปกติแล้วจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องประมาณ 6 เดือน หรือ 2 ครั้ง/ปี หรือตามระยะทางที่รถวิ่งอย่าง น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 10,000-15,000 น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 7,500-8,000 กิโลเมตร และน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เปลี่ยนทุก 5,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนกัน

สัญญาณเตือน รถต้องถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว

มีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์

     หากขับรถอยู่แล้วเกิดเสียงดังผิดปกติจากบริเวณห้องเครื่อง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัญหาไม่ว่าจะเป็นสายพานมีปัญหา หรือแม้แต่ น้ำมันเครื่องเริ่มแห้ง หรือ เก่าเสื่อมสภาพ ทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนัก และมีเสียงผิดปกติออกมาได้ หากปล่อยไว้นานจนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์มีอาการสึกหรอเร็วผิดปกติ

รถเร่งเครื่องไม่ขึ้น

     หากรู้สึกว่าเหยียบคันเร่งรถแล้ว รถมีการเคลื่อนที่ช้าลงกว่าที่เคย ให้เราสันนิษฐานได้เลยว่า น้ำมันเครื่องเริ่มเสื่อมสภาพการใช้งานแล้ว เนื่องจากมีสิ่งสกปรกที่ตกค้างจากการเผาไหม้ ทำให้น้ำมันล่อลื่นไม่สะอาด รถจึงมีอัตราเร่งที่ช้าลง อืดลง

สีน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป

     หากสังเกตุที่สีของน้ำมันเครื่องยนต์ จะเห็นได้ว่ามสีที่เปลี่ยนไปคือเปลี่ยนสีไปเป็นสีเทาหรือดำ จากปกติแล้ว น้ำมันเครื่องจะเป็นสีเหลืองอำพัน แสดงว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว เพราะสีน้ำมันจะค่อยๆเปลี่ยนสีตามการใช้งาน เจอทั้ง ควันรถ ฝุ่นละออง สิ่งสกปรกต่างๆ ก็ทำให้สีของน้ำมันเปลี่ยนเป็นธรรมดา

รถกินน้ำมันมากขึ้น

     เมื่อรถยนต์ไม่ได้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่เหมาะสม อาจส่งผลทำให้น้ำมันเครื่องเริ่มหนืดจนไม่สามารถปั้มน้ำมันขึ้นไปหล่อลื่นลูกสูบได้ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ เคลื่อนตัวช้าลง และทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย

มีควันดำออกจากท่อไอเสียรถ

     น้ำมันเครื่องมีผลอย่างมากในการทำงานของเครื่องยนต์ หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ หรือใช้นำมันเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน จะส่งผลทำให้ระบบเครื่องยยนต์ทำงานอย่างหนัก ระบบภายในเครื่องยนต์มีปัญหา และปล่อยควันดำออกมาจากท่อไอเสียรถ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีเช็คสัญญานเตือนเมื่อรถของเราต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หากเพื่อนๆ คนไหนที่มีอาการดังนี้แนะนำให้มาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ 

Read More
Print

ไขข้อสงสัย ออกรถใหม่ ทำไมต้องเหยียบมะนาว

ออกรถใหม่ หลายคนมักจะมีความเชื่อกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเจิมรถ การไหว้แม่ย่างนางรถเพื่อความสิริมงคลและให้ขับขี่แคล้วคลาดปลอดภัย อีกหนึ่งความเชื่อในการออกรถใหม่ ก็คือ การเหยียบมะนาว แล้วทำไมต้องเหยียบมะนาว เมื่อออกรถใหม่ ช่วยแก้เคล็ด เสริมมงคล

ไขข้อสงสัย ออกรถใหม่ ทำไมต้องเหยียบมะนาว

เหยียบมะนาวตอนออกรถใหม่ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

     ในความเชื่อของคนไทยหลายคนการออกรถใหม่แล้วต้องเหยียบมะนาวนั้น จะช่วยเรื่องการให้ล้อรถยนต์ยึดติดกับถนนได้ดี เวลาขับขี่จะทำให้ควบคุมรถได้ดี ไม่มีลื่นไถล ช่วยลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ และสำหรับกรณีซื้อรถมือสองมาใหม่ การเหยียบมะนาวนั้นมีความเชื่อที่ว่า จะเป็นการช่วยดูดซับ ชำระล้างสิ่งไม่ดีออกจากรถออกไป ไม่ให้ติดอยู่กับรถคันดังกล่าวได้

วิธีเหยียบมะนาวตอนออกรถใหม่ ทำอย่างไร

     สำหรับวิธีเหยียบมะนาวตอนออกรถใหม่ นั่นสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน โดยควรทำในช่วงวันแรกๆ ที่ออกรถใหม่จากศูนย์ หรือ จากการซื้อรถมือสอง มีวิธีดังนี้

  • วางผลมะนาวไว้บริเวณใต้ล้อรถทั้ง 4 ล้อ จากนั้นให้เราขับรถทับให้มะนาวแตก
  • ผ่ามะนาวครึ่งลูกโดยไม่ต้องให้ขาดออกจากกัน วางไว้ใต้ล้อรถ แล้วให้เราขับรถเหยียบไปที่มะนาวนั้นได้เลย
  • ผ่ามะนาวแล้วบีบใส่ที่ล้อและยางรถยนต์

เคล็ดลับการออกรถใหม่เพื่อความสิริมงคล

หาฤกษ์ออกรถมงคล

     การมีฤกษ์ วันที่ เวลา ออกรถถือเป็นสิ่งที่หลายคนที่ออกรถใหม่มักจะคำนึงถึงกัน โดยจะมีวันและเวลาที่ควรออกรถ และวันต้องห้ามของแต่ละเดือน

เจิมรถเพิ่มความสิริมงคล

     เมื่ออกรถใหม่แล้ว อย่าลืมนิมนต์พระเจิมรถ เพื่อความเป็นสิริมงคล แคล้วคลาดปลอดภัยได้ทุกครั้งที่ใช้รถ โดยการเจิมรถก็จะดูฤกษ์เจิมรถตามวันเกิดด้วย ซึ่งปัจจุบันก็มีวัดดังที่คนมักนิยมนิมนต์พระเจิมรถกัน คลิกอ่านวัดดังที่คนนิยมเจิมรถ

ให้พ่อแม่นั่งก่อน

     พ่อแม่เปรียบเสมือนพระในบ้าน เป็นผู้มีพระคุณ ทุกครั้งที่มีการออกรถใหม่ควรให้ท่านได้นั่งรถไปกับเรา พร้อมกับให้พรเพื่อเสริมความมงคล ขับขี่อย่างแคล้วคลาดปลอดภัยตลอดการใช้งาน

ไหว้แม่ย่านางรถ

     การไหว้แม่ย่านางรถ ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญหลายคนมักไหว้เพื่อความสบายใจ เสริมโชคเสริมดวง และยึดเหนี่ยวจิตใจในขณะขับรถได้ มักจะนิยมจะทำพิธีไหว้แม่ย่านางรถในช่วงวันมงคล หรือวันสำคัญใหญ่ อย่างวันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันตรุษจีน หรือทุกวันพระ ขึ้น 15 ค่ำ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเคล็ดเล็กๆ ที่คนไทยำมีความเชื่อมีตั้งแต่ช้านาน เพื่อความสบายใจเราสามารถบอกเซลล์ที่ดูแลเรื่องรถใหม่ให้เราได้หากเราต้องการความเป็นศิริมงคลในการออกรถ แต่อย่างไรก็ตามการถือเคล็ดในวันออกรถเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสบายใจ แต่ความไม่ประมาทก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องของความปลอดภัย

Read More
Print

แบตเตอรี่รถเสื่อม มีอาการอย่างไร ถ้ามีอาการดังนี้คือสัญญานว่าต้องได้เปลี่ยนแบตเตอรีใหม่

สำหรับคนที่มีรถยนต์แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักของทุกอย่างย่อมมีอายุการใช้งาน รถยนต์ของคุณก็เช่นกัน เมื่อเราใช้ไปเรื่อยๆอุปกรณ์บางอย่างก็อาจจะเสื่อมได้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน แน่นอนว่าหากเรารู้ว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนที่เสื่อมนั้น อาจจะง่ายในการเปลี่ยนและซ่อมแซม แต่บางครั้งเมื่อเปลี่ยนแล้วแต่รถก็ยังไม่กลับมาดีเหมือนเดิมสักที ให้ลองไปสังเกตเจ้าแบตเตอรี่ดู เพราะอาจจะเป็นปัญหามาจากแบตเตอรี่เสื่อมหมดอายุก็ได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่รถเป็นแบบนี้ปัญหามาจากแบตเตอรี่ วันนี้เรามีวิธีสังเกตกัน

แบตเตอรี่รถเสื่อม มีอาการอย่างไร ถ้ามีอาการดังนี้คือสัญญานว่าต้องได้เปลี่ยนแบตเตอรีใหม่

1. สตาร์ทติดยาก

อันนี้เป็นเบื้องต้นของการสังเกตแบตเตอรี่ของเราเลย ส่วนใหญ่จะเป็นตอนเช้าๆที่เครื่องเย็น ให้ลองนำแบตเตอรี่รถคนอื่นมาต่อพ่วงชาร์จดู หากสตาร์ตติดให้ฟันธงไปเลยว่าแบตเตอรี่คุณเสื่อมแล้ว สมควรแก่การเปลี่ยน

2. สตาร์ตยากในตอนเช้าแต่รถยังติด 

เมื่อขับไปเรื่อยๆทั้งวัน จอดพักและสตาร์ทใหม่ก้ยังคงติดแต่เริ่มจะมีปัญหา คือยิ่งนานเข้ายิ่งสตาร์ทติดยากขึ้น นั่นหมายถึงแบตเตอรี่เสื่อมเช่นกัน

3. กรณีที่สตาร์ทไม่ติดเลย

อันนี้แน่นอนแล้วว่าในแบตเตอรี่ของคุณนั้นไม่มีพลังงานไฟฟ้าเหลือเลยแม้แต่น้อย อันนี้ให้รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ไปเลย เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีกระแสไฟฟ้าแน่นอน

4. สัญญาณเตือนหน้าปัดรถ

ในสมัยนี้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วสำหรับรถสมัยใหม่ ทำให้ไม่ต้องลุ้นในตอนเช้าๆ คือจะมีไฟรูปแบตเตอรี่ขึ้นที่หน้าปัดรถ หรือรถบางคันอาจจะมีไฟเตือนขึ้นพร้อมกับไฟระบบABS ซึ่งเมื่อเห็นสัญญาณเหล่านนี้ ตัวรถกำลังบอกว่า อีกไม่นานรถของคุณแบตเตอรี่กำลังจะหมดหรือกำลังมีปัญหา แต่ไม่ได้หมายถึงจะหมดภายในเดี๋ยวนั้น รถยังสามรารถขับได้อีก 3-4 วัน ให้รีบไปเช็คและเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที

5. รถสตาร์ทติดช้าและเมื่อติดแล้วจะมีเสียงดังแกรกๆมาจากมอร์เตอร์สตาร์ท

และเมื่อใช้ไปอี2-3 วัน ก็จะมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และหากยังทนใช้ต่อไปรถก็จะดับและสตาร์ทไม่ติด อาการนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่กำลังบอกว่ารถคุณแบตเตอรี่เสื่อม

ดังนั้นต้องรีบเช็คอาการของแบตเตอรีรถของเพื่อนๆ ดูให้ดีถ้ามีอาการดังนี้คือสัญญาณว่าจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ก่อนที่ระบบไฟในรถของเพื่อนๆ จะพากันเสียไปมากกว่าเดิม และที่ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ทุกสาขามีบริการเช็คแบตเตอรี่และเปลี่ยนแบตเตอรีใหม่ ด้วยอะไหล่มาตรฐานและช่างซ่อมมาตรฐานโตโยต้า

Read More
Print

เติมลมยางควรเติมเท่าไหร่ดี รถเล็ก รถใหญ่ ใช้ลมยางต่างกันอย่างไร

หลายๆ คนคงสงสัยเรื่องยางรถของเราว่าจริงๆ แล้วควรเติมยางรถเท่าไหร่ดี เพราะสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นต้องเติมลมยางไม่เหมือนกัน โดยวิธีการเลือกลมยางให้เหมาะกับรถของคุณแบบง่ายที่สุด คือดูได้จากสติ๊กเกอร์ข้างประตูรถของคุณหรือจะอ่านเพิ่มเติมจากคู่มือรถก็ได้เช่นกัน ซึ่งตัวเลขที่ได้จะเป็นค่ามาตรฐานสำหรับยางรถยนต์ไซส์เดิมที่ออกมาตั้งแต่โรงงาน แต่นอกเหนือจากที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว เรายังสามารถเลือกเติมลมยางให้แข็งหรืออ่อนกว่าที่กำหนดเอาไว้อีกด้วย

เติมลมยางควรเติมเท่าไหร่ดี รถเล็ก รถใหญ่ ใช้ลมยางต่างกันอย่างไร

1.รถเก๋งขนาดเล็ก

25-30 ปอนด์/ตารางนิ้ว (PSI) สำหรับสภาพการใช้งานธรรมดาในชีวิตประจำวัน ก็ไม่จำเป็นต้องเติมลมยางถึงระดับสูงสุด แต่หากถ้ารถต้องขนของที่มีน้ำหนักเยอะ ก็สามารถเพิ่มลมยางได้ 2-3 ปอนด์

2.รถเก๋งขนาดกลาง-ใหญ่

30-35 ปอนด์/ตารางนิ้ว(PSI) และหากต้องการขับทางไกลหรือขนของที่มีน้ำหนักเยอะ สามารถเติมลมยางให้มากกว่าปกติได้ 2-3 ปอนด์

3.รถกระบะหรือรถอเนกประสงค์

โดยปกติจะมีการเติมลมยางมากกว่ารถทั่วไปเพื่อขนของและรับน้ำหนัก ควรเติมลมยางอยู่ที่ 35-40 ปอนด์/ตารางนิ้ว (PSI) สำหรับรถกระบะบรรทุกที่จำเป็นต้องรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติ อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดค่าลมยางที่เหมาะสม

ข้อควรคำนึงเวลาเติมลมยาง

  • ต้องเติมลมยางให้ครบทั้งสี่ล้อในปริมาณที่เท่ากัน เพราะหากเติมไม่เท่ากันจะทำให้การสึกหรอของยางไม่เท่ากันทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลต่อยางรถยนต์ในระยะยาว
  • ไม่ควรเติมลมยางในขณะที่ยางมีอุณหภูมิสูง ควรพัดให้รถเย็นลงสักครู่หนึ่งก่อนแล้วค่อยทำการเติม เพราะความร้อนจะทำให้ยางขยายตัวเพิ่มขึ้น
  • หากรถยนต์ของคุณมีการบรรทุกของที่มีน้ำหนักมากบ่อยๆ หรือมีผู้โดยสารมากในการเดินทางหลายคนจนมีน้ำหนักมาก ควรเติมลมยางเผื่อจากค่าที่กำหนดเพิ่มอีกสัก 2 -3 ปอนด์เพื่อช่วยในการรับน้ำหนัก
  • โดยถ้าเราเติมลมยางแข็งกว่าปกติแม้จะทำให้รถออกตัวได้ดีขึ้น แต่จะไปลดทอนประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน โดยเฉพาะทางโค้งรวมถึงการเบรก
  • และถ้าเราเติมลมยางอ่อนกว่าปกติแม้จะรู้สึกถึงความนุ่มนวลเวลาขับขี่ แต่รถจะตอบสนองช้าลง ทำให้เราต้องใช้คันเร่งเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันมากกว่าปกติ รวมถึงยางที่อ่อนเมื่อใช้ไปนานๆ อาจผิดรูป

ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ทุกสาขายินดีให้บริการเรื่องของยางรถยนต์และแบตเตอรี่ ทางศูนย์บริการยินดีให้คำปรึกษาและบริการคุณลูกค้าทุกท่าน

Read More
Print

ยางแก้มเตี้ย VS ยางแก้มสูง ต่างกันอย่างไร ควรใช้แบบไหน?

หลายคนอาจสงสัยว่า ระหว่างยางแก้มเตี้ยกับยางแก้มสูงส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ต่างกันอย่างไร ซึ่งที่จริงแล้วทั้งยางแก้มเตี้ยและยางแก้มสูงต่างมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังนั้น การจะตัดสินใจว่าควรเลือกยางแบบไหนดี จึงควรดูจากการใช้งานเป็นสำคัญ

ยางแก้มเตี้ย VS ยางแก้มสูง ต่างกันอย่างไร ควรใช้แบบไหน?

วิธีคำนวณความสูงของแก้มยางรถยนต์

เราสามารถคำนวณความสูงของแก้มยางได้ว่ายางรถยนต์เส้นไหน มีความสูงเท่าไร เป็นยางแก้มเตี้ยหรือยางแก้มสูง ได้จากการดูจากเปอร์เซ็นต์แก้มยางว่า ยางมีความสูงอยู่ที่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับหน้ายาง โดยสามารถคิดได้ด้วยสูตร ความกว้างหน้ายาง X (ความสูงของแก้มยาง ÷ 100 ) = ความสูงจริงของแก้มยาง

ยกตัวอย่างเช่น ซีรีส์ยาง 225/55 R16 สามารถแปลรหัสได้ดังนี้

  • ตัวเลข 225 คือความกว้างหน้ายาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
  • ตัวเลข 55 คือความสูงของแก้มยาง มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ 
  • R16 คือ ยางสำหรับล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 นิ้ว

จากสูตรการคำนวณความสูงจริงของแก้มยาง จึงคิดได้เป็น 225 X (55 ÷ 100 ) ฉะนั้น ความสูงจริงของแก้มยางเส้นนี้คือ 123.75 มิลลิเมตร หรือ 12.375 เซนติเมตร นั่นเอง

ขนาดของยางรถยนต์ที่นิยม แบ่งเป็น

  1. รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ไม่เกิน 1,500 CC ขนาดยางที่นิยมได้แก่ 185/60 R15, 195/55 R15 ซึ่งมีขนาดความสูงจริงของแก้มยางอยู่ที่ประมาณ 10.7-11.1 เซนติเมตร
  2. รถยนต์นั่งขนาดกลาง ไม่เกิน 2,000 CC ขนาดยางที่นิยมได้แก่ 215/50 R17 ซึ่งมีขนาดความสูงจริงของแก้มยางอยู่ที่ประมาณ 10.7 เซนติเมตร
  3. รถยนต์กระบะ ดีเซล 2.5-3.0 ลิตร ขนาดยางที่นิยมได้แก่ 215/65 R16, 265/60 R18 ซึ่งมีขนาดความสูงจริงของแก้มยางอยู่ที่ประมาณ 13.9-15.9 เซนติเมตร

สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกใช้ยางแก้มเตี้ยหรือยางแก้มสูงมากกว่าที่นิยมกัน ลองไปดูความแตกต่างระหว่างยางทั้ง 2 แบบ เพื่อประกอบการตัดสินใจกัน

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างยางแก้มสูงและยางแก้มเตี้ย

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของยางแก้มสูง

ข้อดี : มีความนุ่มนวลในขณะขับขี่มากกว่ายางแก้มเตี้ย ช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดี ไม่ดีดกระด้าง รวมถึงป้องกันความเสี่ยงในการเกิดแรงกระแทกต่อกระทะล้อที่อาจทำให้เกิดการคดงอ

ข้อเสีย : ความสามารถในการยึดเกาะถนนทำได้ไม่ดีเท่ายางแก้มเตี้ย เวลาเข้าโค้งเสี่ยงต่อการลื่นไถลได้ง่าย เวลาควบคุมพวงมาลัยรู้สึกได้ว่าหนักและฝืน ขาดความคล่องตัวในการขับขี่

ยางแก้มสูงเหมาะกับรถยนต์ประเภทใด

ยางแก้มสูงจึงเหมาะกับรถสำหรับบรรทุก หรือรถออฟโรด ที่ต้องใช้บรรทุกหนัก หรือขับขี่บนท้องถนนที่ไม่เรียบ ค่อนข้างมีความสมบุกสมบัน ซึ่งต้องการประสิทธิภาพในการรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกที่ค่อนข้างสูง

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของยางแก้มเตี้ย

ข้อดี : สามารถยึดเกาะถนนได้ดี ใช้ความเร็วในการเข้าโค้งได้มากกว่ายางแก้มสูง ทั้งยังเข้าโค้งได้ง่ายกว่า

ข้อเสีย : รับแรงกระแทกได้น้อยกว่ายางแก้มสูง ขณะขับขี่จะมีความรู้สึกแข็งกระด้าง 

ยางแก้มเตี้ยเหมาะกับรถยนต์ประเภทใด 

ยางแก้มเตี้ยจึงเหมาะกับรถสปอร์ตที่ใช้ความเร็วสูง หรือรถที่ขับขี่ในถนนปกติ ซึ่งต้องการประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และสมรรถนะในการขับขี่และเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัว

หากต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ขอแนะนำให้เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ทุกสาขา เพราะเรามีโปรโมชั่นยางรถใหม่และมียางให้เลือกหลายยี่ห้อ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่

Read More
Print

น้ำเข้าไฟท้าย แก้ไขอย่างไร ปัญหารถของหน้าฝนที่หลายคนพบเจอ

เคยสังเกตกันไหม ไฟหน้าหรือไฟท้ายรถของเราและปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน หรือรถบางคันก็จะเกิดขึ้นหลังจากล้างรถเสร็จ ทำให้ไอน้ำที่ขึ้นตรงบริเวณไฟหน้ารถจนทำให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างลดลง ดูขุ่นมัว หรือเปิดไฟไม่ติด เป็นเพราะสาเหตุอะไร หากต้องการแก้ไข จะทำได้อย่างไรบ้าง เรามาลองหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

น้ำเข้าไฟท้าย แก้ไขอย่างไร ปัญหารถของหน้าฝนที่หลายคนพบเจอ

สาเหตุที่มีไอน้ำเกาะไฟหน้ารถ

การที่มีไอน้ำมาเกาะตรงบริเวณไฟหน้ารถ แสดงว่าต้องมีรอยรั่วที่สามารถทำให้น้ำเข้าไปได้ ซึ่งก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น

อาจเกิดรอยรั่วรอบๆ บริเวณโคม ไฟหน้ารถ
เกิดรอยแตกร้าว
ยางหรือซิลิโคนที่อยู่รอบๆ โคมไฟหน้ารถเสื่อมสภาพ
มีการซีลยางของขั้วหลอดไฟต่างๆ เสื่อมสภาพ

วิธีแก้ไขปัญหา

1. ถอดโคมไฟหน้ารถออกมาล้าง

เปิดโคมไฟหน้ารถแล้วถอดออกมาล้าง ระหว่างที่ล้างก็สำรวจไปด้วยว่าตรงไหนน้ำเข้าได้บ้าง หากพบรอยรั่วตรงไหน เมื่อล้างเสร็จเช็ดหรือรอให้แห้งแล้วใช้ซิลิโคนอุดรอยรั่วตรงนั้น

2. เมื่อเจอรอยแตกร้าว

หากเจอรอยแตกร้าว บริเวณที่ตัวโคม ให้ถอดออกมาใช้กระดาษทรายน้ำเบอร์ที่ละเอียดที่สุดขัดแล้วเช็ดให้สะอาด จากนั้นใช้ปืนกาวยิงยางแต้มลงไปที่รอยร้าวให้เสมอกับรอย

3. รอยร้าวบริเวณขอบยาง

หากเจอรอยร้าวที่บริเวณขอบยาง ให้แกะแป้นยางเดิมออกจากโคมไฟหน้ารถ แล้วเช็ดแป้นยางนั้นให้สะอาดก่อนจึงค่อยนำซิลิโคนหลอดแบบนิ่มสามารถกันน้ำได้ มาหยอดรอบๆ โคมไฟหน้ารถกับยางเดิม แล้วใส่ยางเดิมกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง

4. เปิดฝากระโปรงหน้ารถทิ้งไว้

หลังจากนั้นถอดขั้วหลอดไฟออก นำรถไปจอดตากแดดเพื่อไล่ความชื้นให้ระเหยออกไป แต่วิธีนี้อาจไม่ดีตรงที่ ยางและซิลิโคนอาจแห้งและแตกได้ ต้องระวัง

หากทำครบทุกวิธีแล้ว ยังไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำเข้าไฟหน้ารถหรือมีไอน้ำเกาะที่ไฟหน้ารถได้ให้เข้ามาเช็คซ่อมบำรุงได้ที่ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ทุกสาขา

Read More
Print

เทียบสเปค All NEW INNOVA ZENIX ราคาต่างกัน 1 แสน ซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากัน! 

All NEW Toyota INNOVA เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 Hybrid เปลี่ยนพื้นฐานใหม่ทั้งหมด เป็นโครงสร้างแบบ Monocoque เหมือนรถเก๋ง พื้นฐาน TNGA Platform

เทียบสเปค All NEW INNOVA ZENIX ราคาต่างกัน 1 แสน ซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากัน!

วันนี้ All NEW Toyota INNOVA (Zenix) นับเป็นรุ่นที่ 3rd Generation ถูกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ทั้งหมด ใช้โครงสร้างแบบ Monocoque พื้นฐาน TNGA Platform จากขับเคลื่อนล้อหลัง เป็น ขับเคลื่อนล้อหน้า เหมือนแบบ Passenger Cars รถยนต์นั่งในค่าย เช่น Corolla, Camry

โดยมี 2 รุ่นย่อยให้เลือกคือ

  • รุ่น 2.0 HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
  • รุ่น 2.0 HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท

innova zenix04innova zenix

Dimension มิติตัวถัง

  • ยาว  4,760 มิลลิเมตร
  • กว้าง  1,850 มิลลิเมตร
  • สูง  1,790 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase  2,850 มิลลิเมตร (ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม 100 มิลลิเมตร)
  • ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance  160 มิลลิเมตร

เปิดประสบการณ์ใหม่กับดีไซน์ใหม่ทั้งคัน จากหัวจรดท้าย จากภายนอก สู่ภายใน ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันระดับพรีเมียม เช่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถวสองปรับไฟฟ้าแบบ “Captain Seat” พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแถว 3 พับเรียบเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และสีพิเศษใหม่ Dark Steel Mica พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยรอบคัน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และอรรถรสในการขับขี่ สร้างความมั่นใจตลอดการเดินทาง

น 2.0 HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท มีอะไรใหม่บ้าง?

  • พิเศษ! เบาะนั่งแถว 2 แบบ Captain Seat และโต๊ะส่วนตัวพับได้
  • พิเศษ! หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto
  • ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
  • ไฟหน้า และไฟท้าย LED
  • ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated
  • จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • เบาะนั่งแถว 3 แบบพับเรียบ (50:50)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า และหน่วงเบรกอัตโนมัติ
  • ระบบเชื่อมต่อ T-Connect

เปิดประสบการณ์ใหม่กับสมรรถนะในการขับขี่ และความปลอดภัย

  • พิเศษ! เครื่องยนต์ 2.0 ไฮบริด ใหม่ M20A-FXS Dual VVT-i
  • ระบบเกียร์ E-CVT
  • ระบบส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหน้า
  • ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า EPS
  • ระบบกันสะเทือนล้อหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบกันสะเทือนล้อหลังแบบ Torsion Beam พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบความปลอดภัย TOYOTA SAFETY SENSE เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
  • กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
  • ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS
  • สัญญาณเตือนกะระยะ 8 ตําแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตําแหน่ง

Innova Zenix

เพิ่มเงินอีก 100,000 บาท กับ รุ่น 2.0 HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท ได้อะไรเพิ่มบ้าง?

(อุปกรณ์ที่เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 HEV Smart)

  • พิเศษ! หลังคามูนรูฟแบบ Panoramic
  • พิเศษ! ภายในแบบทูโทน สีน้ำตาล Dark Chestnut และสีดำ
  • พิเศษ! เบาะนั่งแถว 2 ปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และโต๊ะส่วนตัวพับได้
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
  • พิเศษกล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor 

Innova Zenix

Read More
Print

โตโยต้าพิงค์เชียงใหม่ ตรวจเช็คระยะ ซ่อมรถ  รับบัตรเครดิต ผ่อน 0% 10 เดือน

โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ เปิดบริการใหม่ผ่อนชำระค่าบริการ 0% นาน 10 เดือน สำหรับ ซ่อมบำรุงรถโตโยต้า ตรวจเช็คสภาพรถ เปลี่ยนยางและแบตเตอรี่ ถ่ายน้ำมันเครื่อง เบรค ช่วงล่าง ฯลฯ 

โตโยต้าพิงค์เชียงใหม่ ตรวจเช็คระยะ ซ่อมรถ รับบัตรเครดิต ผ่อน 0% 10 เดือน

เพื่อความสะดวกสบายของคุณลูกค้าทุกท่าน ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ สำนักงานใหญ่ (แยกแม่เหียะ) โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ สาขาสันทราย (แยกลิขิตชีวัน) และ โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ สาขาลำพูน (แยกเทคโนฯ หมู่บ้านครู) ขอมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครคิตของ 

  • ธนาคารกรุงไทย 
  • ธนาคารไทพาณิชย์
  • ธนาคารกสิกรไทย
  • ธนาคารกรุงเทพ
  • ธนาคารออมสิน
  • SCB SPEEDY CASH
  • ttb
  • Fristchoice
  • วีซ่า แพลทินัม โตโยต้า ธนาคารกรุงเทพ
  • Central The 1 card
  • Lotus’s Money plus

สามารถผ่อนชำระค่าบริการ 0% นาน 10 เดือน รวมไปถึงบริการงานซ่อมทั่วไป รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ งานซ่อมตัวถังและสี (มูลค่าขั้นต่ำตามที่แต่ละธนาคารกำหนด สามารถสอบถามได้ที่เคาน์เตอร์ศูนย์บริการ) บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลกับการใช้เงินสดก้อนใหญ่ในการเข้าเช็คสภาพหรือการซ่อมรถอีกต่อไป เพราะที่โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ทุกสาขานำบริการที่ความค่าและมาพร้อมความสะดวกสบายมาให้ลูกค้าโตโยต้าทุกท่านแล้วค่ะ รูดปรื๊ดกันแบบสบายๆ ไม่หนักกระเป๋าสตางค์

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เข้าศูนย์บริการ ผ่อน 0%

หมายเหตุ

  • งานซ่อมทั่วไปและตัวถังและสี (รวมค่าแรงและค่าอะไหล่) รับสิทธิ์ผ่อนชำระ 3, 4, 6 และ 10 เดือน เมื่อมียอดชำระตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป
    *ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ รับสิทธิ์ผ่อนชำระ 10 เดือน เฉพาะผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่จำหน่ายโดย บริษัท โตโยต้า มอตอร์ ประเทศไทย จำกัด เท่านั้น
  • สำหรับงานซ่มทั่วไป  รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และงานซ่อมตัวถังและสี (ไม่รวมผลิตภัณฑ์ยาง, อุปกรณ์ตกแต่งและงานนอก)

เท่านั้นยังไม่พอสะดวกสบายอีกขั้น ด้วยบริการชำระเงินผ่าน QR Code สำหรับคุณลูกค้าที่ไม่ได้พกเงินสดติดตัวมาด้วย ทั้งสะดวก และรวดเร็วอย่างแน่นอน

QR code โตโยต้านครพิงค์

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

นอกจากนี้โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ทั้ง 3 สาขายังมีพื้นที่ Co-Working Space สำหรับนั่งทำงานระหว่างรอรถอีกด้วย พร้อมทั้งยังมี Bev Cafe คาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ ฟรี Wifi และที่สำคัญ แอร์เย็นฉ่ำสุดๆ ไปเลยค่ะ เข้าศูนย์บริการ ผ่อน 0%

เป็นอย่างไรกันบ้างกับความสะดวกสบายที่โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ นำมามอบให้ลูกค้าทุกท่านได้ใช้บริการ ถ้าหากนึกถึงรถโตโยต้าต้องที่ โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่

"มั่นใจเรา เข้าใจคุณ"

นัดหมายศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์