หนาวนี้! เที่ยวดอย ขับรถฝ่าหมอก ที่ปัดน้ำฝนก็สำคัญ ขับขี่ปลอดภัยตลอดเส้นทาง

หมดหน้าฝนไปแล้ว กำลังเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว เชื่อว่ารถที่เพื่อนๆ หลายคนคงผ่านการใช้งานในฤดูฝนมาไม่น้อย และในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ทุกคนคงอยากเดินทางไปเที่ยวดอยกันอยู่อย่างแน่นอน และรู้หรือไม่ว่าการขับรถฝ่าหมอกที่ปัดน้ำฝนก็สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ วันนี้ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ มีวิธีดูแลที่ปัดน้ำฝนและวิธีเช็คยางที่ปัดน้ำฝนว่าเสื่อมสภาพหรือยังมาฝากเพื่อนๆ กัน
ขั้นตอนแรกเป็นวิธีเช็คยางที่ปัดน้ำฝนของท่านแบบง่ายๆ ด้วยการสัมผัสหน้ายาง เมื่อสัมผัสแล้วและลองสังเกตดูว่ายางที่ปัดน้ำฝนของท่านนั้นลอกเป็นขุยหรือแข็งหรือไม่ หากสัมผัสแล้วยางแข็งหรือลอกเป็นขุย แนะนำให้เปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝนทันที เพื่อการขับขี่รถที่ปลอดภัยและทัศนวิสัยที่ดีขึ้น
วิธีต่อมาเป็นวิธีทำความสะอาดยางที่ปัดน้ำฝนแบบง่ายๆ เมื่อที่ปัดน้ำฝนถูกใช้งานมาเยอะ อาจทำให้เศษฝุ่น หรือคราบสิ่งสกปรกต่างๆ เลอะบนกระจก และสิ่งเหล่านั้นอาจทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ และวิธีง่ายๆ ในการทำความสะอาดที่ปัดน้ำฝนก็คือนำผ้าชุบน้ำสะอาดแล้วบิดให้หมาด จากนั้นเช็ดตามแนวขอบยางที่ปัดน้ำฝน เท่านี้ก็จะได้ที่ปัดน้ำฝนใหม่อีกครั้ง
อีกหนึ่งวิธีง่ายๆ คือการสังเกตรอยที่ปัดน้ำฝนบนกระจกรถของท่าน หรือฟังเสียงการทำงานของที่ปัดน้ำฝนว่าฝืดหรือไม่ ถ้าหากเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝนแล้วมีเสียงฝืดขอแนะนำให้เปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้เกิดการเสียดสีและตัวยางเสื่อมสภาพได้ และที่สำคัญอาจทำให้กระจกรถของท่านเป็นลอยขูดขีดได้อีกด้วย
ขณะจอดรถตากแดดไม่ควรยกที่ปัดน้ำฝนขึ้นเพราะจะทำให้ยางที่ปัดน้ำฝนโดนแดดโดยตรงและอาจทำให้ยางที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพได้ง่าย โดยปกติทั่วไปแล้วยางที่ปัดน้ำฝนมีระยะการใช้งาน 1-2 ปี แต่ถ้าหากยกที่ปัดน้ำฝนขึ้นในขณะที่จอดรถตากแดดอาจทำให้ยางที่ปัดน้ำฝนเกิดฉีดขาด
เป็นอย่างไรกันบางกับปัญหาที่ปัดน้ำฝน อาจเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ทุกคนมองข้ามและจริงๆ แล้วถ้าปล่อยให้ยางที่ปัดน้ำเสื่อมสภาพมากๆ อาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่รถของท่านลดน้อยลง และเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่าย และหวังว่าวิธีการดูแลที่ปัดน้ำฝนที่ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ เอามาฝากจะเป็นประโยชน์กับทุกคน
ตรวจเช็ครถฟรี พร้อมซ่อมถึงบ้านในรัศมี 10 กิโลเมตร คลิ๊ก>> ตรวจเช็คสภาพรถฟรีถึงบ้าน