• โตโยต้า นครพิงค์ เชียงใหม่ | Toyota Nakornping Chiangmai
Read More
Print

เช็คยางรถยนต์ ก่อนขับลุยในหน้าฝน มีอะไรบ้างมาดูกัน

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน สิ่งที่น่าห่วงคือ การขับขี่บนท้องถนนที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น ด้วยวิสัยทัศน์ในการมองเห็นลดลงและสภาพถนนที่เพิ่มความยากลำบากในการขับขี่ มีแอ่งน้ำและโคลนทำให้ถนนลื่น 

เช็คยางรถยนต์ ก่อนขับลุยในหน้าฝน มีอะไรบ้างมาดูกัน

  1. อายุยางรถยนต์ โดยทั่วไปรถจะถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่เมื่อยางถูกใช้งานไปแล้ว 4-5 ปี หรือประมาณ 50,000 – 80,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ถ้ารถไม่ค่อยได้ใช้งานหรือวิ่งระยะไกล ดอกยางยังแน่นและไม่มีการสึกหรอ ก็สามารถใช้ยางต่อไปได้ บางคันใช้งานได้ถึง 10 ปีเชียวหละ
  2. สภาพของดอกยาง เป็นสิ่งที่ควรดู เพราะดอกยางจะช่วยยึดเกาะถนนและรีดน้ำออกไปจากหน้ายางได้ ถ้าความลึกของดอกยางต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร ก็คือควรเปลี่ยนยางใหม่ได้เลย
  3. ลมยาง ควรเช็คเดือนละ 1 ครั้ง และในช่วงหน้าฝนที่ต้องลุยถนนเปียก ควรเติมลมยางเผื่อไว้อีก 1-2 ปอนด์ เพื่อให้ยางแข็งและรีดน้ำได้ดี แต่อย่าลืมเช็คลมขณะที่ยางเย็นเท่านั้นนะครับ
  4. สลับยาง ทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร ยางรถยนต์ที่ถูกใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่ขับทางไกลและใช้ความเร็วสูงแต่ละข้างจะมีการสึกหรอไม่เท่ากัน เมื่อครบ 10,000 ก.ม. แนะนำให้ยางล้อคู่หน้าสลับกับยางล้อคู่หลัง เพื่อให้ดอกยางของทุกล้อสึกหรอเท่าเทียมกัน 

แต่นอกจากการดูแลยางรถยนต์ให้มีสภาพพร้อมรับหน้าฝนแล้ว เราทุกคนก็จะต้องขับขี่อย่างถูกวิธีและไม่ประมาทด้วยถึงจะเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้

วิธีการขับขี่รถลุยฝน ห่างไกลบัติเหตุ

  1.  ไม่ควรขับรถเร็วเกินไปหรือไม่เกิน 60 กม./ชม. เพราะจะทำให้ลำบากในการควบคุมรถยนต์และเกิดอาการรถเหินน้ำได้
  2. เปิดไฟใหญ่ขณะที่ฝนตก เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น
  3. ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดว่า รถจอดเสียอยู่
  4. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า 10-15 เมตร
  5. เลี่ยงขับรถลุยแอ่งน้ำ และบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง
  6. เปิดที่ปัดน้ำฝน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีการเช็คยางรถแบบง่ายๆ ที่คุณสามารถเช็คได้ด้วยตัวเอง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ในช่วงหน้าฝนนี้ 

Read More
Print

หน้าที่ ยางแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร ทำไมต้องเปลี่ยนยางเพื่อความปลอดภัย

ยางรถยนต์ มีหน้าที่รองรับน้ำหนักรถยนต์และใช้ในการขับเคลื่อนให้รถยนต์ไปได้อย่างนิ่มนวลและปลอดภัย และช่วยเพิ่มสมรรถนะในการวิ่งของรถยนต์ วันนี้โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ เอาหน้าที่ของยางรถยนต์แต่ละส่วนมาใากให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน

หน้าที่ ยางแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร ทำไมต้องเปลี่ยนยางเพื่อความลปอดภัย

 หน้ายาง

     เป็นส่วนประกอบที่อยู่ด้านนอกสุดของยางรถยนต์ ช่วยป้องกันของมีคม ที่จะทำอันตรายต่อโครงยาง และในหน้ายางนั่นก็จะมีอีกสองชิ้นส่วนก็คือ ดอกยางและร่องยาง เพื่อทำหน้าที่ในการยึดเกาะถนน และรีดน้ำขณะขับรถเมื่อถนนเปียก และในปัจจุบันดอกยางนั้นมีหลายประเภทและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

แก้มยาง

     อยู่ด้านข้างสุดของยาง เป็นส่วนที่ยืดหยุ่นมากที่สุด และในขณะเดียวกันก็ยังมีความบอบบางมากที่สุดของยางในขณะใช้งาน มีหน้าที่ช่วยป้องกันอันตรายที่มีแต่โครงยาง ช่วยพยุงน้ำหนักและช่วยซัพแรงกระแทกของรถ

ไหล่ยาง

     เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างหน้ายางกับแก้มยาง โดยไหล่ยางจะถูกออกแบบเป็นร่องให้เหมาะสม เพื่อช่วยระบายความร้อนภายในยางให้ออกมา เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนที่สะสม

ชั้นในของยาง

     เป็นส่วนชั้นในของยาง อยู่ภายในท้องยางมีทำหน้าที่ช่วยกักเก็บลมยางไม่ให้มีการซึมออกได้ ปกติจะทำจากยางสังเคราะห์ เนื่องจากกันการรั่วซึมได้ดีกว่า

ขอบยาง

    ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นลวดเหล็กกล้าช่วยยึดส่วนปลายทั้ง 2 ข้างของโครงยางเอาไว้ เพื่อให้บริเวณขอบยางมีความแข็งแรง สามารถยึดแน่นสนิทกับกระทะล้อได้ดีเมื่อนำไปใช้งาน สำหรับยางรถยนต์ที่ไม่ใช้ยางใน อบยางเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลมยางรั่วซึมออกมา

ยางรถยนต์นั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย และข้อสำคัญอย่าลืมที่จะดูแลยางรถยนต์ให้ถูกวิธีและหมั่นตรวจเช็คระยะของยางรถยนต์อย่างเสมอ

Read More
Print

ยางแก้มเตี้ย VS ยางแก้มสูง ต่างกันอย่างไร ควรใช้แบบไหน?

หลายคนอาจสงสัยว่า ระหว่างยางแก้มเตี้ยกับยางแก้มสูงส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ต่างกันอย่างไร ซึ่งที่จริงแล้วทั้งยางแก้มเตี้ยและยางแก้มสูงต่างมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังนั้น การจะตัดสินใจว่าควรเลือกยางแบบไหนดี จึงควรดูจากการใช้งานเป็นสำคัญ

ยางแก้มเตี้ย VS ยางแก้มสูง ต่างกันอย่างไร ควรใช้แบบไหน?

วิธีคำนวณความสูงของแก้มยางรถยนต์

เราสามารถคำนวณความสูงของแก้มยางได้ว่ายางรถยนต์เส้นไหน มีความสูงเท่าไร เป็นยางแก้มเตี้ยหรือยางแก้มสูง ได้จากการดูจากเปอร์เซ็นต์แก้มยางว่า ยางมีความสูงอยู่ที่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับหน้ายาง โดยสามารถคิดได้ด้วยสูตร ความกว้างหน้ายาง X (ความสูงของแก้มยาง ÷ 100 ) = ความสูงจริงของแก้มยาง

ยกตัวอย่างเช่น ซีรีส์ยาง 225/55 R16 สามารถแปลรหัสได้ดังนี้

  • ตัวเลข 225 คือความกว้างหน้ายาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
  • ตัวเลข 55 คือความสูงของแก้มยาง มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ 
  • R16 คือ ยางสำหรับล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 นิ้ว

จากสูตรการคำนวณความสูงจริงของแก้มยาง จึงคิดได้เป็น 225 X (55 ÷ 100 ) ฉะนั้น ความสูงจริงของแก้มยางเส้นนี้คือ 123.75 มิลลิเมตร หรือ 12.375 เซนติเมตร นั่นเอง

ขนาดของยางรถยนต์ที่นิยม แบ่งเป็น

  1. รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ไม่เกิน 1,500 CC ขนาดยางที่นิยมได้แก่ 185/60 R15, 195/55 R15 ซึ่งมีขนาดความสูงจริงของแก้มยางอยู่ที่ประมาณ 10.7-11.1 เซนติเมตร
  2. รถยนต์นั่งขนาดกลาง ไม่เกิน 2,000 CC ขนาดยางที่นิยมได้แก่ 215/50 R17 ซึ่งมีขนาดความสูงจริงของแก้มยางอยู่ที่ประมาณ 10.7 เซนติเมตร
  3. รถยนต์กระบะ ดีเซล 2.5-3.0 ลิตร ขนาดยางที่นิยมได้แก่ 215/65 R16, 265/60 R18 ซึ่งมีขนาดความสูงจริงของแก้มยางอยู่ที่ประมาณ 13.9-15.9 เซนติเมตร

สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกใช้ยางแก้มเตี้ยหรือยางแก้มสูงมากกว่าที่นิยมกัน ลองไปดูความแตกต่างระหว่างยางทั้ง 2 แบบ เพื่อประกอบการตัดสินใจกัน

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างยางแก้มสูงและยางแก้มเตี้ย

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของยางแก้มสูง

ข้อดี : มีความนุ่มนวลในขณะขับขี่มากกว่ายางแก้มเตี้ย ช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดี ไม่ดีดกระด้าง รวมถึงป้องกันความเสี่ยงในการเกิดแรงกระแทกต่อกระทะล้อที่อาจทำให้เกิดการคดงอ

ข้อเสีย : ความสามารถในการยึดเกาะถนนทำได้ไม่ดีเท่ายางแก้มเตี้ย เวลาเข้าโค้งเสี่ยงต่อการลื่นไถลได้ง่าย เวลาควบคุมพวงมาลัยรู้สึกได้ว่าหนักและฝืน ขาดความคล่องตัวในการขับขี่

ยางแก้มสูงเหมาะกับรถยนต์ประเภทใด

ยางแก้มสูงจึงเหมาะกับรถสำหรับบรรทุก หรือรถออฟโรด ที่ต้องใช้บรรทุกหนัก หรือขับขี่บนท้องถนนที่ไม่เรียบ ค่อนข้างมีความสมบุกสมบัน ซึ่งต้องการประสิทธิภาพในการรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกที่ค่อนข้างสูง

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของยางแก้มเตี้ย

ข้อดี : สามารถยึดเกาะถนนได้ดี ใช้ความเร็วในการเข้าโค้งได้มากกว่ายางแก้มสูง ทั้งยังเข้าโค้งได้ง่ายกว่า

ข้อเสีย : รับแรงกระแทกได้น้อยกว่ายางแก้มสูง ขณะขับขี่จะมีความรู้สึกแข็งกระด้าง 

ยางแก้มเตี้ยเหมาะกับรถยนต์ประเภทใด 

ยางแก้มเตี้ยจึงเหมาะกับรถสปอร์ตที่ใช้ความเร็วสูง หรือรถที่ขับขี่ในถนนปกติ ซึ่งต้องการประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และสมรรถนะในการขับขี่และเข้าโค้งได้อย่างคล่องตัว

หากต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ขอแนะนำให้เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์บริการโตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ทุกสาขา เพราะเรามีโปรโมชั่นยางรถใหม่และมียางให้เลือกหลายยี่ห้อ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่

Read More
Print

5 สัญญาณเตือนที่บอกคุณว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์

ยางรถคืออีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คนขับควรให้ความสำคัญมากี่สุดไม่แพ้สิ่งอื่นๆ เพราะยางรถเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวรถขับเคลื่อนไปได้และเราก็จะถึงที่หมายอย่างปลอดภัย วันนี้ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่เลยเอา 5 สัญญานเตือนที่บอกคุณว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์

5 สัญญาณเตือนที่บอกคุณว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์

เปลี่ยนยางรถยนต์

1.แก้มยางแตกหรือแยกส่วน

เริ่มต้นกันที่ แก้มยาง ซึ่งแก้มยางนั้นเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ แต่หลายคนกลับมองข้าม เพราะแก้มยางเป็นส่วนที่ไม่ได้ติดอยู่ที่พื้นถนนโดยตรง แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าแก้มยางมีรอยแตกอาจนำไปสู่ยางระเบิดหรือแตกขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง

2.ดูที่ตัวบอกสภาพยาง

รู้หรือไม่ว่าที่ยางรถยนต์ส่วนใหญ่มีตัวบอกสภาพดอกยางอยู่ที่บริเวณหน้างาน ซึ่งถ้าตัวบอกสภาพยางอยู่ในระดับเดียวกับยาง หมายความว่าคุณถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางแล้ว เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและเพื่อนร่วมทาง 

3.ตำแหน่งรอยรั่วของยาง

เมื่อรถยางรั่ว หลายคนอาจจะใช้ปะยางแทนวิธีเปลี่ยนยางทั้งเส้น เหตุผลเพราะประหยัดเงินมากกว่า แต่ควรคำนึงว่าการปะยางควรทำเมื่อยางรถมีรอยรั่วขนาดไม่เกิน 1 ใน 4 นิ้ว และเกิดขึ้นบริเวณหน้ายางเท่านั้น และที่สำคัญการปะยางไม่ควรทำบริเวณแก้มหรือขอบยางเพราะไม่มีประโยชน์อันใดและอาจเป็นอันตรายอีกด้วย 

4.อายุยาง

อายุของยางเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ยางรถยนต์บางคันมีอายุการใช้งาน 10 ปีเต็มก่อนที่ยางจะสึกหรอ แต่สมรรถภาพการเกาะถนนจะลดลง การดูอายุของยางรถยนต์สามารถดูได้ที่ตัวเลขสี่หลักที่ประทับบนแก้มยาง โดยเลขสองตัวแรกบ่งบอกสัปดาห์ที่ผลิต ขณะที่ตัวเลขสองตัวหลังบอกปีทีผลิต การเลือกใช้งานยางใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้ยางทีผลิตภายใน 3 – 6 เดือน แต่สามารถเลือกใช้ที่ผลิตภายใน 1 – 2 ปีได้โดยที่ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน ขณะที่อายุใช้งานสูงสุดของยางไม่ควรเกิน 4 – 5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน)

5.ยางบวม

ปิดท้ายกันที่ ปัญกายางบวมซึ่งเป็นปัญหาที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะการบวมส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บริเวณแก้มยาง และเกิดจากการที่ขับรถและตกหลุมหรือเกิดการเสียดสีอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุหลัก ดังนั้นเมื่อเกิดอาการยางบวมคุณควรต้องเปลี่ยนยางรถได้แล้ว

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีการดูยางรถว่าเมื่อไหรที่คุณถึงเวลาต้องเปลี่ยน หวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์กับบทความนี้และไม่มองข้ามปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อคุณได้

btn_line
btn_facebook

Read More
Print

ไขข้อสงสัย? ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ แล้วควรเปลี่ยนตอนไหน

สวัสดีเจ้า~ กลับมาเจอกับ โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ และวันนี้เราเอาสาระเรื่องรถมาฝากอีกแล้ว ซึ่งผู้ใช้รถทุกคนควรหมั่นตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทางเกี่ยวกับอายุการใช้งานของยางรถยนต์ว่าใช้งานได้กี่ปี และวันนี้ โตโยต้านครพิงค์ มีโปรโมชั่นเปลี่ยนยางรถยนต์ปังๆ มาฝากด้วย

ไขข้อสงสัย? ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ แล้วควรเปลี่ยนตอนไหน

โดยปกติแล้วยางรถยนต์ของบริษัทผู้ผลิตแต่ละเจ้าจะมีอายุรับประกันการใช้งานอยู่ระหว่าง 4-6 ปี ซึ่งถ้าเกินไปจากนี้ยางหมดอายุ เราก็จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งทางโชว์รูปจะแจ้งให้เปลี่ยนยางรถตั้งแต่ซื้อรถมาขับแล้วว่าควรเปลี่ยนยางทุก 3-5 ปี หรือราว 50,000 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างนั้นก็จะมีการสลับยางจากล้อหน้ามาล้อหลังประมาณทุก 10,000-15,000 กิโลเมตรทั้งนี้เพื่อให้ยางแต่ละเส้นถูกใช้งานหนักเท่า กัน

เพิ่มความชัวร์กว่าด้วยการประเมินสภาพยาง

สำหรับวิธีที่ชัวร์กว่าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์แนะนำกันมาก คือการเปลี่ยนยางตามสภาพยางที่เปลี่ยนไป ด้วยการดูพื้นผิวของยาง ดังนี้ 

  1. บริเวณหน้ายางอย่างดอกยางและร่องยาง เพราะทั้งสองอย่างจะช่วยให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น รวมทั้งช่วยรีดน้ำออกเพื่อเพิ่มแรงเสียดทานขณะพื้นเปียกด้วย เมื่อไหร่ที่เห็นหรือวัดด้วยเครื่องมือแล้วพบว่าร่องยางตื้นขึ้น ดอกยางเริ่มไม่ชัดเจนเหมือนเดิม (ยางโล้น) หรือผ่านการซ่อมมาหลายครั้ง นั่นคือสัญญาณที่ต้องเปลี่ยนยางแล้ว 
  2. แก้มยาง ซึ่งมักจะเป็นจุดที่ใครหลายคนละเลย เพราะสนใจพื้นที่ด้านหน้ามากกว่า หากแก้มยางชำรุด รั่ว ซึม ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของยางทั้งเส้นลดลงได้เช่นกัน  

เมื่อประเมินตามนี้แล้วจะเห็นได้ว่ารถบางคันอาจไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตรก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนยางเลย

แต่อย่างไรก็ตามข้อกำหนดดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้องเสมอไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้รถของแต่ละคนประกอบด้วย บางคนไม่ค่อยได้ใช้รถก็อาจเปลี่ยนยางได้ตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ แต่หากบางคนใช้รถหนักมาก เส้นทางที่ขับไปถนนส่วนใหญ่สภาพไม่ดีขรุขระ เหยียบหินก้อนเล็กก้อนน้อยตลอดเวลาถ้าแบบนี้ยางก็จะเสื่อมสภาพก่อนเวลาที่กำหนดไว้เช่นกันอาจต้องเปลี่ยนยางทุก 2-3 ปี หรือเร็วกว่านั้นก็เป็นได้

ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนตอนไหน

เทคนิคยืดอายุยางถ้าไม่อยากเปลี่ยนบ่อย 

การเปลี่ยนยางแต่ละครั้งแม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายอยู่ดี หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเปลี่ยนยางบ่อย สามารถยืดอายุการใช้งานของยางได้ด้วยเทคนิคเหล่านี้ 

  1. สังเกตสภาพยางด้วยตาเปล่าว่ามีรอยรั่วหรือรอยฉีกขาดหรือไม่ หากมีให้รีบซ่อมแซม อย่าปล่อยไว้นาน
  2. เช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ดูให้ลมยางไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ยางมีความยืดหยุ่นพอดีขณะขับขี่
  3. สลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อให้ทุกล้อมีความสึกหรอใกล้เคียงกัน 
  4. ตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้คงความสมดุลอยู่เสมอ 
  5. ปรับเปลี่ยนนิสัยการขับรถ เช่น ไม่ขับรถด้วยความเร็วเป็นเวลานานเกินไป ไม่หักเลี้ยว ออกตัว หรือเบรกกะทันหัน ไม่บรรทุกของหนักเกิน เป็นต้น   

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสาระน่ารู้เรื่องยางรถยนต์ที่วันนี้โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่ เอามาฝากทุกคน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ เพราะยางรถเปรียบเสมือนกับขาของรถยนต์ที่พาเราไปยังสถานที่ต่างๆ ดังนั้นเราต้องหมั่นตรวจเช็คและดูแลยางรถยนต์ของเรา เพื่อความปรลอดภัยและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ 

btn_line
btn_facebook

Read More

ไขข้อสงสัย สัญลักษณ์และตัวอักษรบนยางหมายถึงอะไร มาดูกัน

เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าสัญลักษณ์และตัวอักษรบนยางหมายถึงอะไร 
โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่จะมาบอกว่าแต่ละสัญลักษณ์และตัวอักษรหมายถึงอะไร ให้หายสงสัยกันไปเลย?
*ยางบางรุ่นจะมีการบอกลมยางทีต้องเดิม
.
ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้มีประโยชน์มากเวลาที่เราต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ หรือยางรถยนต์เกิดมีปัญหา จะได้หายางมาใส่ได้ถูกต้อง ปลอดภัย??
.
? ซื้อยางรถมิชลิน 4 เส้น ฟรี‼️
 Michelin Suitcase มูลค่า 1,450 บาท หรือ
 Michelin Reverse Umbrella มูลค่า 450 บาท
.
หรือ
 ส่วนลดยางรถยนต์สูงสุด 1,000 บาท*
 ผ่อน 0% นาน 10 เดือน
(เฉพาะ บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ)
? ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562 ถึง 30 เมษายน 2562 เท่านั้นนะคะ ‼️

_______________________
#โตโยต้านครพิงค์
#ศูนย์บริการมาตรฐาน
สำนักงานใหญ่ ? โทร. 053 999 888
สาขาสันทราย ? โทร. 053 999 666
สาขาลำพูน ? โทร. 052 030 999
Inbox Facebook : m.me/toyotanakornping.cm
Line@ : @toyotanakornping
หรือ http://line.me/ti/p/%40ufc4047n